อะไรอยู่หลังดวงจันทร์
อะไรอยู่หลังดวงจันทร์?
ในเมื่อเรารู้ว่าดวงจันทร์เป็นทรงกลม โคจรรอบโลกด้านเดียว แล้วด้านหลังของดวงจันทร์ล่ะหน้าตาเป็นอย่างไร Plutarch นักปราชญ์ชาวกรีก ในช่วง คศ.ที่ 46 ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ที่เราเห็นดวงจันทร์สว่างไม่เท่ากันในแต่ละจุด เป็นเพราะว่ามีหลุมที่ยุบลงไป และแสงส่องไปไม่ถึง กล่าวคือ หน้าของดวงจันทร์ไม่ได้สม่ำเสมอกัน
ภาพวาดดวงจันทร์ของกาลิเลโอ
นั่นเป็นข้อสังเกตที่ฉลาดมาก และแม้ว่าในทางยุโรปช่วงยุคกลางจะมีความเชื่อว่า ดวงจันทร์เป็นผิวเรียบเนียนสนิท Galileo กลับใช้กล้องโทรทรรศน์ที่เขาประดิษฐ์ขึ้นส่องไปดูดวงจันทร์แล้วพบว่า บนดวงจันทร์นั้นเต็มไปด้วยหลุมและบ่อมากมาย เหมือนที่ Plutarch เคยตั้งข้อสังเกตไว้นานนับพันปีก่อน หลังจากนั้นก็ได้มีการพยายามทำแผนที่ของหลุมบนดวงจันทร์มาโดยตลอด
ด้านของดวงจันทร์ที่เรารู้จัก
ทุกมุมของดวงจันทร์ที่เราสามารถถ่ายได้จากโลก ที่มา – Manuel Castillo Vela / EPOD
ด้วยเหตุนี้เอง เวลานับพันปีแต่กลับทำให้เราทำแผนที่ดวงจันทร์ได้แค่ 59% เท่านั้น และคงไม่มีวิธีไหน ที่จะทำให้เราได้เห็นด้านหลังของดวงจันทร์ได้นอกจากการส่งยานไปสำรวจด้วยตัวเอง
กล้องกับยานอวกาศ
อันที่จริง ก็ไม่มีใครเห็นโลกจากอวกาศเหมือนกัน จนเมื่อปี 1946 ซึ่งเป็นเวลาแค่ 14 เดือนหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้มีการติดกล้องขึ้นไปกับจรวด V2 ทำเราได้ภาพถ่ายแรกของโลกจากอวกาศ
ถ้าใครที่เคยอ่านบทความเรื่อง ประวัติศาสตร์จรวด จะรู้ว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่สหรัฐอเมริกากับโซเวียตแข่งกันเดินทางไปอวกาศ และพัฒนาจรวดและยานอวกาศต่าง ๆ ขึ้นมา Sputnik 1 ดาวเทียมดวงแรกถูกส่งขึ้นไปเมื่อปี 1957 แต่ด้วยข้อจำกัดด้านน้ำหนัก ทำให้มันไม่สามารถติดกล้องถ่ายรูปขึ้นไปได้ ดาวเทียมดวงแรกที่ถ่ายรูปโลกมาจากวงโคจรได้สำเร็จก็คือ Explorer 6 ในปี 1959 ที่น่าจะได้รับการตั้งชื่อภาพว่าถ่ายอะไรมา เพราะดูไม่รู้เรื่อง
ภาพถ่ายแบบดี ๆ ของโลกครั้งแรกเกิดขึ้นจากยาน TIROS-1 ย่อมาจาก Television Infrared Observation Satellite ที่ออกแบบมาให้เป็นดาวเทียมตรวจสภาพอากาศในปี 1960 ซึ่งภาพที่ได้มาก็ดูรู้เรื่องว่าเป็นภาพถ่ายดาวเทียม เทคนิคในการส่งภาพกลับมาที่อเมริกาใช้นั้น คือเทคนิค television camera
แต่ภาพถ่ายของ TIROS นั้น ดูเด็กน้อยไปเลย เมื่อเทียบกับที่ในปี 1959 สหภาพโซเวียตกลายเป็นผู้ชนะในการส่งยานอวกาศลำแรกไปถ่ายภาพดวงจันทร์ ในวันที่ 6 ตุลาคม 1959 เทคนิคที่โซเวียตใช้นั้น ไม่เหมือนกับอเมริกา คืออเมริกาใช้กล้องกึ่งดิจิตอลในการถ่าย แต่สหภาพโซเวียต ใช้กล้องฟีล์มถ่าย แล้วออกแบบระบบบนยานให้สามารถล้างฟีล์มได้เองอัตโนมัติแล้วแสกนฟีล์มส่งกลับมายังโลก ทำให้เราได้ภาพถ่ายด้านหลังของดวงจันทร์ภาพแรกในประวัติศาสตร์
ทุกวันนี้การสำรวจด้านไกลของดวงจันทร์นั้นไม่ใช่เรื่องยากต่อไป น่าตื่นเต้นที่เรากำลังอยู่ในยุคที่มนุษย์ใช้เวลาเพียงแค่ไม่ถึง 100 ปี แต่สามารถเรียนรู้อะไรได้มากมาย และตอบคำถามที่เราเฝ้าถามกันมานานนับพันปีอย่าง มีอะไรอยู่ที่ด้านหลังของดวงจันทร์ได้ และสุดท้ายไม่ว่าเราจะเรียกมันว่าอะไร ด้านไกลของดวงจันทร์ ด้านมืดของดวงจันทร์ หรือ Dark Side of the Moon สุดท้ายแล้ว ณ ตอนนี้ ก็ไม่มีอะไรเป็นปริศนาอีกต่อไปแล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น